น้ำยางแข็งตัวด้วยสารสกัดจากธรรมชาติเพื่อชาวสวนยางในชุมชน
เว็บบล็อกนี้จัดทำขึ้นเพื่อเผยแพร่โครงงานเรื่องน้ำยางแข็งตัวด้วยสารสกัดจากธรรมชาติเพื่อชาวสวนยางในชุมชน ซึ่งเป็นโครงงานการทดลองเกี่ยวกับการทำสารสกัดธรรมชาติที่ทำให้น้ำยางแข็งตัว จัดทำโดยนักเรียนโรงเรียนพิมานพิทยาสรรค์ จังหวัดสตูล
วันพุธที่ 20 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2556
คำแนะนำสำหรับผู้ปลุกยางใหม่
คำแนะนำสำหรับผู้ปลุกยางใหม่
ข้อควร คำนึงสำหรับ ผู้เริ่ม ปลูกยาง
1. ควร เตรียมพื้น ที่ กำหนด ระยะปลูก และเตรียม หลุมปลูก ให้เสร็จ เรียบร้อย ภายใน เดือนมีนาคม หรือ ต้นเดือน เมษายน
2. ควรปลูก ยางตั้ง แต่ต้น ฤดูฝน สำหรับผู้ ที่ใช้ ต้อตอ ตาปลูก ควรปลูก ให้เสร็จ ภายใน เดือนพฤษภาคม แต่ ถ้าใช้ ยางชำ ถุงปลูก อาจยีด เวลาออก ไปได้ บางเล็ก น้อย อย่าง ไรก็ ตามควร ปลูกให้ เสร็จภาย ในเดือน มิถุนายน
3. ในพื้น ที่แห้ง แล้ง ก่อน เข้าฤดู แล้งขณะ ที่ดิน ยังชื้น อยู่ควร ใช้วัสดุ เช่น หญ้าแห้ง ฟางข้าว หรือเศษ วัชพืช คลุมโคน ต้นยาง เพื่อรักษา ความชื้นของ ดิน
4. ควรตัด แต่งกิ่ง แขนงข้าง เฉพาะใน ฤดูฝน เท่านั้น ไม่ควร ตัดใน ฤดูแล้ง การตัด แต่งกิ่ง อย่าโน้ม ต้นยาง ลงมา ตัดเพราะ จะทำ ให้ส่วน ของลำ ต้นเสีย หาย
5. เมื่อปลูก พืชแซม ครบ 3 ปีแล้ว ต้องหยุด ปลูก และ ปลูกพืช คลุมแทน ทันที
6. หมั่น ดูแล บำรุงรักษา สวนยาง ตามคำ แนะนำ อย่างสม่ำเสมอ โดยเฉพาะ ในฤดู แล้งควร กำจัดวัช พืช ในสวน ยาง เพื่อ ป้องกัน การเกิด ไฟไหม้ สวนยาง
ปฎิ ทินการ ปลูกสร้าง และดู แลรักษา สวนยางพารา
หากเกษตรกร ชาวสวน ยาง มี ปัญหาใน การประกอบ อาชีพการ ทำสวน ยาง โปรด สอบถาม หรือขอ คำปรึกษา แนะนำ ได้ที่
- เกษตร ตำบล
- เกษตรอำเภอ
- เกษตร จังหวัด
ที่ประจำ ปฏิบัติงาน อยู่ใน พื้นที่ ที่สวน ยางหรือ บ้านเรือน ของท่าน ตั้งอยู่ หรือ อาจสอบ ถามโดย ตรงไป ที่กลุ่ม ยางพารา กอง ส่งเสริม พืชสวน กรมส่ง เสริมการ เกษตร ถนนพหล โยธิน เขต จตุจักร กรุงเทพมหานคร 10900 โทรศัพท์ (02) 5793801
อ้างอิงข้อมูลจาก http://www.doae.go.th/
1. ควร
2.
3.
4.
5.
6. หมั่น
ปฎิ
- เกษตร
-
- เกษตร
อ้างอิงข้อมูลจาก http://www.doae.go.th/
อุปกรณ์สวนยางพารา
มีดกรีดยาง ตรา สามห่วง มี 3 รุ่น
เบอร์ 1 สีส้ม ราคา/โหล 1224 บาท
เบอร์ 2 สีส้ม ราคา/โหล 924 บาท
ด้ามใหญ่สีเหลือง ราคา/โหล 1020 บาท
มีกรีดยาง ตรา 999
มีขนาดเดียว เบอร์ 1 ราคา/โหล 1020 บาท
ถังน้ำสำหรับเก็บน้ำยาง
เบอร์ 1 ราคา/ใบ 126 บาท
เบอร์2 ราคา/ใบ 114 บาท
เบอร์3 ราคา/ใบ 102 บาท
เบอร์4 ราคา/ใบ 96 บาท
ลวดรัดต้นยาง
แบบซิกแซก มัดละ 100 เส้น
เบอร์14 ราคา/เส้น 2.52 บาท
เบอร์13 ราคา/เส้น 3.24 บาท
ลวดวงกลม/สปริง ขนาด 4 นิ้ว
สปริง 2 นิ้ว ราคา/เส้น 2.82 บาท
สปริง 2.5 นิ้ว ราคา/เส้น 3.12 บาท
ไม้กวาดน้ำยาง ของแท้จากยะลา ทำมาจากยางรถยนต์ แท้ 100%
ไม้กวาดน้ำยาง ราคา/โหล 204 บาท
ถ้วยรับน้ำยาง (ขนาด 16,18,20
ขนาด 16 ออน ราคา/ใบ 2.64 บาท บรรจุกระสอบ 200 ใบ
ขนาด 18 ออน ราคา/ใบ 3 บาท บรรจุกระสอบ 100 ใบ
ขนาด 20 ออน ราคา/ใบ 3.6 บาท บรรจุกระสอบ 100 ใบ
ช้อนยาง
ขนาดมาตรฐาน 3 นิ้ว เกรด A
ขายเป็นกิโล กิโล/บาท 52.8 บาท
ขายเป็นกระสอบ ๆ 30 กก. กิโล/บาท 45.6 บาท
ช้อนยางมัด
ช้อนยางมัด 2.5 นิ้ว ราคา/ห่อ 174 บาท (ลังละ 25 มัด)
ช้อนยางมัด 3 นิ้ว ราคา/ห่อ 300 บาท (ลังละ 25 มัด)
เบอร์ 1 สีส้ม ราคา/โหล 1224 บาท
เบอร์ 2 สีส้ม ราคา/โหล 924 บาท
ด้ามใหญ่สีเหลือง ราคา/โหล 1020 บาท
มีกรีดยาง ตรา 999
มีขนาดเดียว เบอร์ 1 ราคา/โหล 1020 บาท
ถังน้ำสำหรับเก็บน้ำยาง
เบอร์ 1 ราคา/ใบ 126 บาท
เบอร์2 ราคา/ใบ 114 บาท
เบอร์3 ราคา/ใบ 102 บาท
เบอร์4 ราคา/ใบ 96 บาท
ลวดรัดต้นยาง
แบบซิกแซก มัดละ 100 เส้น
เบอร์14 ราคา/เส้น 2.52 บาท
เบอร์13 ราคา/เส้น 3.24 บาท
ลวดวงกลม/สปริง ขนาด 4 นิ้ว
สปริง 2 นิ้ว ราคา/เส้น 2.82 บาท
สปริง 2.5 นิ้ว ราคา/เส้น 3.12 บาท
ไม้กวาดน้ำยาง ของแท้จากยะลา ทำมาจากยางรถยนต์ แท้ 100%
ไม้กวาดน้ำยาง ราคา/โหล 204 บาท
ถ้วยรับน้ำยาง (ขนาด 16,18,20
ขนาด 16 ออน ราคา/ใบ 2.64 บาท บรรจุกระสอบ 200 ใบ
ขนาด 18 ออน ราคา/ใบ 3 บาท บรรจุกระสอบ 100 ใบ
ขนาด 20 ออน ราคา/ใบ 3.6 บาท บรรจุกระสอบ 100 ใบ
ช้อนยาง
ขนาดมาตรฐาน 3 นิ้ว เกรด A
ขายเป็นกิโล กิโล/บาท 52.8 บาท
ขายเป็นกระสอบ ๆ 30 กก. กิโล/บาท 45.6 บาท
ช้อนยางมัด
ช้อนยางมัด 2.5 นิ้ว ราคา/ห่อ 174 บาท (ลังละ 25 มัด)
ช้อนยางมัด 3 นิ้ว ราคา/ห่อ 300 บาท (ลังละ 25 มัด)
สนใจรายละเอียดเพิ่มเติม หรือสั่งซื้อ
โทร 083-2959695
CR. http://www.yangparatrang.com/2012/07/blog-post_20.html
โรคยางพารา
โรคยางพาราที่เกิดจากเชื้อ
1.โรคใบ
2.โรคกิ่งก้าน และลำต้น
3.โรครากของยางพารา
การผลิตและการใช้ยางของจีน
การผลิตและการใช้ยางของจีน
สาธารณรัฐประชาชนจีนเป็นประเทศผู้ผลิตยางอันดับ 5 ของโลกในปี 2547 มีพื้นที่ปลูกยาง 660,000 เฮกตาร์ ผลิตยางได้ประมาณ 600,000 ตัน ผลผลิตเฉลี่ย ทั้งประเทศเป็น 1,400 ตันต่อเฮกตาร์ หรือประมาณ 220 กิโลกรัมต่อไร่ พื้นที่ปลูกยางส่วนใหญ่ร้อยละ 65 เป็นสวนยางของรัฐ พื้นที่ปลูกยางของจีนมีอยู่ใน 5 มณฑลคือ มณฑลไฺฮนาน มณฑลยูนนาน มณฑลกวางตุ้ง มณฑลกวางสี และมณฑลฟูเจี้ยน
จีนมีอัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจสูงมาก ร้อยละ 9-9.5 จึงมีความต้องการใช้ยางเพิ่มขึ้น จากข้อมูลที่ได้รับจากผู้บริหารของบริษัทอุตสาหกรรมการผลิตยางของยูนนาน กล่าวว่าในปี 2547 ปริมาณการใช้ยางของจีนเพิ่มขึ้นจาก 1.3 ล้านตันในปี 2545 เป็น 1.8 ล้านตัน ในปี 2547 ต้องนำเข้ายางประมาณ 1.2 ล้านตัน โดยร้อยละ 80 เป็นการนำเข้ายางจากไทย ในขณะที่จีนมีปริมาณการผลิตยางของประเทศ
ประมาณ 600,000 ตัน อุตสาหกรรมยางยานพาหนะของจีนเป็นภาคที่ใช้ยางธรรมชาติมากที่สุดถึงร้อยละ 55 ของปริมาณยางธรรมชาติที่ใช้ในประเทศทั้งหมด มีโรงงานผลิตยางรถยนต์ขนาดใหญ่ ในจีนกว่า 20 บริษัท มีทั้งที่เป็นบริษัทข้ามชาติ บริษัทของจีนและการร่วมลงทุนของบริษัทยางรถยนต์ต่างชาติกับบริษัทยางของ จีน อุตสาหกรรมรถยนต์ของจีนขยายตัวอย่างต่อเนื่องจากปี 2545 ที่ผลิตรถยนต์ได้ 3.2 ล้านคัน เพิ่มเป็นประมาณ 5 ล้านคันค่อปี แต่คาดว่าในปัจจุบันที่ภาวะน้ำมันสูงขึ้นในอนาคตกำลังการผลิตรถยนต์จะลดลง เหลือ 1 ล้านคันต่อปี เนื่องจากอุตสาหกรรมผลิตภัณฑ์ยางเป็นอุตสาหกรรมที่ทำให้เศรษฐกิจของจีนขยาย ตัวอย่างรวดเร็ว จึงเป็นสาเหตุที่ทำให้ความต้องการใช้ยางของจีนเพิ่มขึ้นอย่างมาก จนมีการคาดการณ์ว่าในปี 2563 จีนจะใช้ยางธรรมชาติและยางสังเคราะห์รวมทั้งสิ้น 7.3 ล้านตัน และการใช้ยางของจีนจะเป็นสัดส่วนร้อยละ 25 ของการใช้ยางทั้งหมดของโลก แต่เนื่องจากสภาพแวดล้อมที่ไม่อำนวยต่อการปลูกยางของจีน ปัญหาจากลมไต้ฝุ่น อากาศหนาวเย็นและความแห้งแล้ง ทำให้จีนไม่สามารถขยายพื้่นที่ปลูกยางในประเทศได้ รัฐบาลจีนมีนโยบายเพิ่มพื้นที่ปลูกยางในประเทศเพื่อนบ้านอีก 10,000 เฮกตาร์ หรือ 625,000 ไร่ ในประเทศลาว ประเทศพม่า และประเทศกัมพูชา ปัจจุบันได้ขยายพื้นที่ปลูกยาง 100 เฮกตาร์ หรือ 625 ไร่ ทางตอนเหนือของลาว 3 จังหวัด สวนยางเปิดกรีดแล้ว 4 ปี ซึ่งอยู่ในความรับผิดชอบของบริษัทอุตสหกรรมยางธรรมชาติของยูนนาน และบริษัทมีนโยบายลงทุน 10 ล้านหยวนหรือ 55 ล้านบาท เืพื่อพัฒนาโครงการผลิตยางในลาวในอนาคตอันใกล้นี้ด้วย
ในภาวะที่ราคายางสูงขึ้นเกษตรกรหันมาปลูกยางมากขึ้น โดยในช่วงที่ผ่านมาได้มีการโค่นต้นยางและปลูกพืชชนิดอื่นทดแทนในช่วงที่ราคา ยางตกต่ำ อย่างไรก็ตามไฮนานยังมีพื้นที่ที่จะขยายการปลูกยางได้อีกประมาณ 300,000 ไร่ แต่เนื่องจากไฮนานอยุ่ในเขตที่มีสภาพแวดล้อมไม่เอื้ออำนวยต่อการปลูกยาง ดังนั้นความสามารถในการเพิ่มผลผลิตคงเป็นไปได้ค่อนข้างจำกัด
Cr http://www.yangparatrang.com/2012/09/blog-post.html
สาธารณรัฐประชาชนจีนเป็นประเทศผู้ผลิตยางอันดับ 5 ของโลกในปี 2547 มีพื้นที่ปลูกยาง 660,000 เฮกตาร์ ผลิตยางได้ประมาณ 600,000 ตัน ผลผลิตเฉลี่ย ทั้งประเทศเป็น 1,400 ตันต่อเฮกตาร์ หรือประมาณ 220 กิโลกรัมต่อไร่ พื้นที่ปลูกยางส่วนใหญ่ร้อยละ 65 เป็นสวนยางของรัฐ พื้นที่ปลูกยางของจีนมีอยู่ใน 5 มณฑลคือ มณฑลไฺฮนาน มณฑลยูนนาน มณฑลกวางตุ้ง มณฑลกวางสี และมณฑลฟูเจี้ยน
จีนมีอัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจสูงมาก ร้อยละ 9-9.5 จึงมีความต้องการใช้ยางเพิ่มขึ้น จากข้อมูลที่ได้รับจากผู้บริหารของบริษัทอุตสาหกรรมการผลิตยางของยูนนาน กล่าวว่าในปี 2547 ปริมาณการใช้ยางของจีนเพิ่มขึ้นจาก 1.3 ล้านตันในปี 2545 เป็น 1.8 ล้านตัน ในปี 2547 ต้องนำเข้ายางประมาณ 1.2 ล้านตัน โดยร้อยละ 80 เป็นการนำเข้ายางจากไทย ในขณะที่จีนมีปริมาณการผลิตยางของประเทศ
ประมาณ 600,000 ตัน อุตสาหกรรมยางยานพาหนะของจีนเป็นภาคที่ใช้ยางธรรมชาติมากที่สุดถึงร้อยละ 55 ของปริมาณยางธรรมชาติที่ใช้ในประเทศทั้งหมด มีโรงงานผลิตยางรถยนต์ขนาดใหญ่ ในจีนกว่า 20 บริษัท มีทั้งที่เป็นบริษัทข้ามชาติ บริษัทของจีนและการร่วมลงทุนของบริษัทยางรถยนต์ต่างชาติกับบริษัทยางของ จีน อุตสาหกรรมรถยนต์ของจีนขยายตัวอย่างต่อเนื่องจากปี 2545 ที่ผลิตรถยนต์ได้ 3.2 ล้านคัน เพิ่มเป็นประมาณ 5 ล้านคันค่อปี แต่คาดว่าในปัจจุบันที่ภาวะน้ำมันสูงขึ้นในอนาคตกำลังการผลิตรถยนต์จะลดลง เหลือ 1 ล้านคันต่อปี เนื่องจากอุตสาหกรรมผลิตภัณฑ์ยางเป็นอุตสาหกรรมที่ทำให้เศรษฐกิจของจีนขยาย ตัวอย่างรวดเร็ว จึงเป็นสาเหตุที่ทำให้ความต้องการใช้ยางของจีนเพิ่มขึ้นอย่างมาก จนมีการคาดการณ์ว่าในปี 2563 จีนจะใช้ยางธรรมชาติและยางสังเคราะห์รวมทั้งสิ้น 7.3 ล้านตัน และการใช้ยางของจีนจะเป็นสัดส่วนร้อยละ 25 ของการใช้ยางทั้งหมดของโลก แต่เนื่องจากสภาพแวดล้อมที่ไม่อำนวยต่อการปลูกยางของจีน ปัญหาจากลมไต้ฝุ่น อากาศหนาวเย็นและความแห้งแล้ง ทำให้จีนไม่สามารถขยายพื้่นที่ปลูกยางในประเทศได้ รัฐบาลจีนมีนโยบายเพิ่มพื้นที่ปลูกยางในประเทศเพื่อนบ้านอีก 10,000 เฮกตาร์ หรือ 625,000 ไร่ ในประเทศลาว ประเทศพม่า และประเทศกัมพูชา ปัจจุบันได้ขยายพื้นที่ปลูกยาง 100 เฮกตาร์ หรือ 625 ไร่ ทางตอนเหนือของลาว 3 จังหวัด สวนยางเปิดกรีดแล้ว 4 ปี ซึ่งอยู่ในความรับผิดชอบของบริษัทอุตสหกรรมยางธรรมชาติของยูนนาน และบริษัทมีนโยบายลงทุน 10 ล้านหยวนหรือ 55 ล้านบาท เืพื่อพัฒนาโครงการผลิตยางในลาวในอนาคตอันใกล้นี้ด้วย
ในภาวะที่ราคายางสูงขึ้นเกษตรกรหันมาปลูกยางมากขึ้น โดยในช่วงที่ผ่านมาได้มีการโค่นต้นยางและปลูกพืชชนิดอื่นทดแทนในช่วงที่ราคา ยางตกต่ำ อย่างไรก็ตามไฮนานยังมีพื้นที่ที่จะขยายการปลูกยางได้อีกประมาณ 300,000 ไร่ แต่เนื่องจากไฮนานอยุ่ในเขตที่มีสภาพแวดล้อมไม่เอื้ออำนวยต่อการปลูกยาง ดังนั้นความสามารถในการเพิ่มผลผลิตคงเป็นไปได้ค่อนข้างจำกัด
Cr http://www.yangparatrang.com/2012/09/blog-post.html
อนาคตยางพาราไทย ภายใต้ AEC เลิกกองทุนสงเคราะห์สวนยาง ?
ผศ.ดร.อัทธ์ พิศาลวานิช คณบดีคณะเศรษฐศาสตร์และผู้อำนวยการศูนย์ศึกษา
การค้าระหว่างประเทศ มหาวิทยาลัยหอ
การค้าไทยได้เสนอแนะนโยบายเร่งด่วนเพื่อพัฒนายางพาราไทย ภายใต้ประชาคม
เศรษฐกิจอาเซียนและอาเซียน +3 (เกาหลี ใต้ ญี่ปุ่น และจีน)
โดยให้ไทยเป็นศูนย์ กลางยางพารา (HUB)
เนื่องจากว่าไทยเป็นผู้ผลิตและส่งออกรายใหญ่ซึ่งเป็นจุดแข็งในการสร้างอำนาจ
ต่อรองและเป็นผู้กำหนดราคา อีกทั้งยังจะทำให้ไทยเป็นศูนย์
กลางในการผลิตอุตสาหกรรมปลายน้ำของยางพาราและอุตสาหกรรมที่สร้างมูลค่าเพิ่ม
จากการแปรรูปยางพาราอีกทางหนึ่งด้วย
รัฐต้องปล่อยให้ราคายางเป็นไปตามกลไกตลาดไม่แทรกแซง
แต่ควรหันไปส่งเสริมอุตสาหกรรมปลายน้ำและการสร้างมูลค่าเพิ่มในผลิตภัณฑ์ยาง
ต่างๆเพื่อช่วยแก้ปัญหาทั้งราคาและการพึ่งพิงตลาดต่างประเทศ
อีกทั้งจะต้องเร่งการจัดตั้งการยางแห่งประเทศไทย ด้วยการยก
ร่างพระราชบัญญัติการยางแห่งประเทศไทยให้ยกเลิกกองทุนสงเคราะห์การทาสวนยาง
และองค์การสวนยางและให้จัดตั้ง การยางแห่งประเทศไทย
เพื่อทาหน้าที่บริหารจัดการยางพาราของประเทศทั้งระบบอย่างครบวงจร
อีกส่วนหนึ่งคือต้องเร่งพัฒนาตลาดสินค้าเกษตรล่วงหน้า หรือ AFET ให้เข้มแข็ง เพื่อเป็นแหล่งรองรับสินค้าในราคายุติธรรม สร้างศักยภาพการแข่งขันให้กับเกษตรกร และรัฐควรส่งเสริมให้ผู้ประกอบการหาตลาดใหม่ๆ เพิ่มเติมเช่นตลาดในกลุ่ม BRIC (บราซิล รัสเซีย อินเดีย จีน) ซึ่งเป็นประเทศที่เศรษฐกิจเติบโตอย่างรวดเร็ว
นอกจากนี้ จะต้องมีการพัฒนาเทคโนโลยีเพื่อสร้างสัดส่วนการใช้ประโยชน์ในประเทศให้สูง ขึ้น ด้วยการลงทุนวิจัยเพื่อการพัฒนาเทคโนโลยีทั้งต้นน้ำ กลางน้ำ และปลายน้ำ เพื่อเสริมสร้างศักยภาพ การแข่งขันให้เกิดการใช้ยางในประเทศ เพิ่มขึ้น ลดความเสี่ยงในการส่งออก คิด ค้นและพัฒนาผลผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ เพื่อสร้าง มูลค่าเพิ่มให้เกิดขึ้น เช่น การพัฒนาวัตถุดิบ ยางไปสู่อุตสาหกรรมใหม่ซึ่งเป็นนวัตกรรม แบบก้าวกระโดด (Radical Innovation) เช่น อุตสาหกรรมเครื่องสาอางจากสารสกัดเปลือกไม้ยางพารา เป็นต้น
ปัจจุบันจีนนับเป็นประเทศผู้ใช้ยางพารารายใหญ่ที่สุดในโลก เฉลี่ย 5 ปีที่ผ่านมาคิดเป็นร้อยละ 32.23 ของปริมาณการใช้ยางพาราของทั้งโลก 60% เป็นการ ใช้ในอุตสาหกรรมยานยนต์ ปี 2553 จีนผลิตรถยนต์ 18.26 ล้านคัน ปี 2554 ผลิต รถยนต์ 18.42 ล้านคันเป็นอันดับ 1 ของโลก มณฑลที่นำเข้ายางพารามากที่สุดคือ ชานตง ซึ่งเป็นศูนย์กลางผลิตยางรถ ยนต์และอุตสาหกรรมแปรรูปยางที่สำคัญของจีน
ขณะที่พื้นที่ปลูกยางของไทยอินโดนีเซียและมาเลเซียมีมากกว่า 60% ของ โลก แต่ปัจจุบันพื้นที่ปลูกยางมาเลเซียลดลงเพราะหันไปปลูกปาล์มแทน ถึงกระนั้นตั้งแต่ปี 2549-2554 พื้นที่ปลูกยางโลกก็เพิ่มขึ้น 14.26% เฉลี่ยปีละ 2.71% กลุ่มการศึกษายางระหว่างประเทศ (International Rubber Study Group : IRSG) ศึกษาพบว่าในอนาคตประเทศผู้ผลิตยาง ไทยและมาเลเซียสนใจปลูกยางในประเทศ อื่น เช่น พม่า ลาว กัมพูชา เพราะที่ดินใน ประเทศไม่เพียงพอ
ที่มา : สยามธุรกิจ
อีกส่วนหนึ่งคือต้องเร่งพัฒนาตลาดสินค้าเกษตรล่วงหน้า หรือ AFET ให้เข้มแข็ง เพื่อเป็นแหล่งรองรับสินค้าในราคายุติธรรม สร้างศักยภาพการแข่งขันให้กับเกษตรกร และรัฐควรส่งเสริมให้ผู้ประกอบการหาตลาดใหม่ๆ เพิ่มเติมเช่นตลาดในกลุ่ม BRIC (บราซิล รัสเซีย อินเดีย จีน) ซึ่งเป็นประเทศที่เศรษฐกิจเติบโตอย่างรวดเร็ว
นอกจากนี้ จะต้องมีการพัฒนาเทคโนโลยีเพื่อสร้างสัดส่วนการใช้ประโยชน์ในประเทศให้สูง ขึ้น ด้วยการลงทุนวิจัยเพื่อการพัฒนาเทคโนโลยีทั้งต้นน้ำ กลางน้ำ และปลายน้ำ เพื่อเสริมสร้างศักยภาพ การแข่งขันให้เกิดการใช้ยางในประเทศ เพิ่มขึ้น ลดความเสี่ยงในการส่งออก คิด ค้นและพัฒนาผลผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ เพื่อสร้าง มูลค่าเพิ่มให้เกิดขึ้น เช่น การพัฒนาวัตถุดิบ ยางไปสู่อุตสาหกรรมใหม่ซึ่งเป็นนวัตกรรม แบบก้าวกระโดด (Radical Innovation) เช่น อุตสาหกรรมเครื่องสาอางจากสารสกัดเปลือกไม้ยางพารา เป็นต้น
ปัจจุบันจีนนับเป็นประเทศผู้ใช้ยางพารารายใหญ่ที่สุดในโลก เฉลี่ย 5 ปีที่ผ่านมาคิดเป็นร้อยละ 32.23 ของปริมาณการใช้ยางพาราของทั้งโลก 60% เป็นการ ใช้ในอุตสาหกรรมยานยนต์ ปี 2553 จีนผลิตรถยนต์ 18.26 ล้านคัน ปี 2554 ผลิต รถยนต์ 18.42 ล้านคันเป็นอันดับ 1 ของโลก มณฑลที่นำเข้ายางพารามากที่สุดคือ ชานตง ซึ่งเป็นศูนย์กลางผลิตยางรถ ยนต์และอุตสาหกรรมแปรรูปยางที่สำคัญของจีน
ขณะที่พื้นที่ปลูกยางของไทยอินโดนีเซียและมาเลเซียมีมากกว่า 60% ของ โลก แต่ปัจจุบันพื้นที่ปลูกยางมาเลเซียลดลงเพราะหันไปปลูกปาล์มแทน ถึงกระนั้นตั้งแต่ปี 2549-2554 พื้นที่ปลูกยางโลกก็เพิ่มขึ้น 14.26% เฉลี่ยปีละ 2.71% กลุ่มการศึกษายางระหว่างประเทศ (International Rubber Study Group : IRSG) ศึกษาพบว่าในอนาคตประเทศผู้ผลิตยาง ไทยและมาเลเซียสนใจปลูกยางในประเทศ อื่น เช่น พม่า ลาว กัมพูชา เพราะที่ดินใน ประเทศไม่เพียงพอ
ที่มา : สยามธุรกิจ
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)