เว็บบล็อกนี้จัดทำขึ้นเพื่อเผยแพร่โครงงานเรื่องน้ำยางแข็งตัวด้วยสารสกัดจากธรรมชาติเพื่อชาวสวนยางในชุมชน ซึ่งเป็นโครงงานการทดลองเกี่ยวกับการทำสารสกัดธรรมชาติที่ทำให้น้ำยางแข็งตัว จัดทำโดยนักเรียนโรงเรียนพิมานพิทยาสรรค์ จังหวัดสตูล
วันพุธที่ 20 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2556
คำแนะนำสำหรับผู้ปลุกยางใหม่
คำแนะนำสำหรับผู้ปลุกยางใหม่
ข้อควร คำนึงสำหรับ ผู้เริ่ม ปลูกยาง
1. ควร เตรียมพื้น ที่ กำหนด ระยะปลูก และเตรียม หลุมปลูก ให้เสร็จ เรียบร้อย ภายใน เดือนมีนาคม หรือ ต้นเดือน เมษายน
2. ควรปลูก ยางตั้ง แต่ต้น ฤดูฝน สำหรับผู้ ที่ใช้ ต้อตอ ตาปลูก ควรปลูก ให้เสร็จ ภายใน เดือนพฤษภาคม แต่ ถ้าใช้ ยางชำ ถุงปลูก อาจยีด เวลาออก ไปได้ บางเล็ก น้อย อย่าง ไรก็ ตามควร ปลูกให้ เสร็จภาย ในเดือน มิถุนายน
3. ในพื้น ที่แห้ง แล้ง ก่อน เข้าฤดู แล้งขณะ ที่ดิน ยังชื้น อยู่ควร ใช้วัสดุ เช่น หญ้าแห้ง ฟางข้าว หรือเศษ วัชพืช คลุมโคน ต้นยาง เพื่อรักษา ความชื้นของ ดิน
4. ควรตัด แต่งกิ่ง แขนงข้าง เฉพาะใน ฤดูฝน เท่านั้น ไม่ควร ตัดใน ฤดูแล้ง การตัด แต่งกิ่ง อย่าโน้ม ต้นยาง ลงมา ตัดเพราะ จะทำ ให้ส่วน ของลำ ต้นเสีย หาย
5. เมื่อปลูก พืชแซม ครบ 3 ปีแล้ว ต้องหยุด ปลูก และ ปลูกพืช คลุมแทน ทันที
6. หมั่น ดูแล บำรุงรักษา สวนยาง ตามคำ แนะนำ อย่างสม่ำเสมอ โดยเฉพาะ ในฤดู แล้งควร กำจัดวัช พืช ในสวน ยาง เพื่อ ป้องกัน การเกิด ไฟไหม้ สวนยาง
ปฎิ ทินการ ปลูกสร้าง และดู แลรักษา สวนยางพารา
หากเกษตรกร ชาวสวน ยาง มี ปัญหาใน การประกอบ อาชีพการ ทำสวน ยาง โปรด สอบถาม หรือขอ คำปรึกษา แนะนำ ได้ที่
- เกษตร ตำบล
- เกษตรอำเภอ
- เกษตร จังหวัด
ที่ประจำ ปฏิบัติงาน อยู่ใน พื้นที่ ที่สวน ยางหรือ บ้านเรือน ของท่าน ตั้งอยู่ หรือ อาจสอบ ถามโดย ตรงไป ที่กลุ่ม ยางพารา กอง ส่งเสริม พืชสวน กรมส่ง เสริมการ เกษตร ถนนพหล โยธิน เขต จตุจักร กรุงเทพมหานคร 10900 โทรศัพท์ (02) 5793801
อ้างอิงข้อมูลจาก http://www.doae.go.th/
1. ควร
2.
3.
4.
5.
6. หมั่น
ปฎิ
- เกษตร
-
- เกษตร
อ้างอิงข้อมูลจาก http://www.doae.go.th/
อุปกรณ์สวนยางพารา
มีดกรีดยาง ตรา สามห่วง มี 3 รุ่น
เบอร์ 1 สีส้ม ราคา/โหล 1224 บาท
เบอร์ 2 สีส้ม ราคา/โหล 924 บาท
ด้ามใหญ่สีเหลือง ราคา/โหล 1020 บาท
มีกรีดยาง ตรา 999
มีขนาดเดียว เบอร์ 1 ราคา/โหล 1020 บาท
ถังน้ำสำหรับเก็บน้ำยาง
เบอร์ 1 ราคา/ใบ 126 บาท
เบอร์2 ราคา/ใบ 114 บาท
เบอร์3 ราคา/ใบ 102 บาท
เบอร์4 ราคา/ใบ 96 บาท
ลวดรัดต้นยาง
แบบซิกแซก มัดละ 100 เส้น
เบอร์14 ราคา/เส้น 2.52 บาท
เบอร์13 ราคา/เส้น 3.24 บาท
ลวดวงกลม/สปริง ขนาด 4 นิ้ว
สปริง 2 นิ้ว ราคา/เส้น 2.82 บาท
สปริง 2.5 นิ้ว ราคา/เส้น 3.12 บาท
ไม้กวาดน้ำยาง ของแท้จากยะลา ทำมาจากยางรถยนต์ แท้ 100%
ไม้กวาดน้ำยาง ราคา/โหล 204 บาท
ถ้วยรับน้ำยาง (ขนาด 16,18,20
ขนาด 16 ออน ราคา/ใบ 2.64 บาท บรรจุกระสอบ 200 ใบ
ขนาด 18 ออน ราคา/ใบ 3 บาท บรรจุกระสอบ 100 ใบ
ขนาด 20 ออน ราคา/ใบ 3.6 บาท บรรจุกระสอบ 100 ใบ
ช้อนยาง
ขนาดมาตรฐาน 3 นิ้ว เกรด A
ขายเป็นกิโล กิโล/บาท 52.8 บาท
ขายเป็นกระสอบ ๆ 30 กก. กิโล/บาท 45.6 บาท
ช้อนยางมัด
ช้อนยางมัด 2.5 นิ้ว ราคา/ห่อ 174 บาท (ลังละ 25 มัด)
ช้อนยางมัด 3 นิ้ว ราคา/ห่อ 300 บาท (ลังละ 25 มัด)
เบอร์ 1 สีส้ม ราคา/โหล 1224 บาท
เบอร์ 2 สีส้ม ราคา/โหล 924 บาท
ด้ามใหญ่สีเหลือง ราคา/โหล 1020 บาท
มีกรีดยาง ตรา 999
มีขนาดเดียว เบอร์ 1 ราคา/โหล 1020 บาท
ถังน้ำสำหรับเก็บน้ำยาง
เบอร์ 1 ราคา/ใบ 126 บาท
เบอร์2 ราคา/ใบ 114 บาท
เบอร์3 ราคา/ใบ 102 บาท
เบอร์4 ราคา/ใบ 96 บาท
ลวดรัดต้นยาง
แบบซิกแซก มัดละ 100 เส้น
เบอร์14 ราคา/เส้น 2.52 บาท
เบอร์13 ราคา/เส้น 3.24 บาท
ลวดวงกลม/สปริง ขนาด 4 นิ้ว
สปริง 2 นิ้ว ราคา/เส้น 2.82 บาท
สปริง 2.5 นิ้ว ราคา/เส้น 3.12 บาท
ไม้กวาดน้ำยาง ของแท้จากยะลา ทำมาจากยางรถยนต์ แท้ 100%
ไม้กวาดน้ำยาง ราคา/โหล 204 บาท
ถ้วยรับน้ำยาง (ขนาด 16,18,20
ขนาด 16 ออน ราคา/ใบ 2.64 บาท บรรจุกระสอบ 200 ใบ
ขนาด 18 ออน ราคา/ใบ 3 บาท บรรจุกระสอบ 100 ใบ
ขนาด 20 ออน ราคา/ใบ 3.6 บาท บรรจุกระสอบ 100 ใบ
ช้อนยาง
ขนาดมาตรฐาน 3 นิ้ว เกรด A
ขายเป็นกิโล กิโล/บาท 52.8 บาท
ขายเป็นกระสอบ ๆ 30 กก. กิโล/บาท 45.6 บาท
ช้อนยางมัด
ช้อนยางมัด 2.5 นิ้ว ราคา/ห่อ 174 บาท (ลังละ 25 มัด)
ช้อนยางมัด 3 นิ้ว ราคา/ห่อ 300 บาท (ลังละ 25 มัด)
สนใจรายละเอียดเพิ่มเติม หรือสั่งซื้อ
โทร 083-2959695
CR. http://www.yangparatrang.com/2012/07/blog-post_20.html
โรคยางพารา
โรคยางพาราที่เกิดจากเชื้อ
1.โรคใบ
2.โรคกิ่งก้าน และลำต้น
3.โรครากของยางพารา
การผลิตและการใช้ยางของจีน
การผลิตและการใช้ยางของจีน
สาธารณรัฐประชาชนจีนเป็นประเทศผู้ผลิตยางอันดับ 5 ของโลกในปี 2547 มีพื้นที่ปลูกยาง 660,000 เฮกตาร์ ผลิตยางได้ประมาณ 600,000 ตัน ผลผลิตเฉลี่ย ทั้งประเทศเป็น 1,400 ตันต่อเฮกตาร์ หรือประมาณ 220 กิโลกรัมต่อไร่ พื้นที่ปลูกยางส่วนใหญ่ร้อยละ 65 เป็นสวนยางของรัฐ พื้นที่ปลูกยางของจีนมีอยู่ใน 5 มณฑลคือ มณฑลไฺฮนาน มณฑลยูนนาน มณฑลกวางตุ้ง มณฑลกวางสี และมณฑลฟูเจี้ยน
จีนมีอัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจสูงมาก ร้อยละ 9-9.5 จึงมีความต้องการใช้ยางเพิ่มขึ้น จากข้อมูลที่ได้รับจากผู้บริหารของบริษัทอุตสาหกรรมการผลิตยางของยูนนาน กล่าวว่าในปี 2547 ปริมาณการใช้ยางของจีนเพิ่มขึ้นจาก 1.3 ล้านตันในปี 2545 เป็น 1.8 ล้านตัน ในปี 2547 ต้องนำเข้ายางประมาณ 1.2 ล้านตัน โดยร้อยละ 80 เป็นการนำเข้ายางจากไทย ในขณะที่จีนมีปริมาณการผลิตยางของประเทศ
ประมาณ 600,000 ตัน อุตสาหกรรมยางยานพาหนะของจีนเป็นภาคที่ใช้ยางธรรมชาติมากที่สุดถึงร้อยละ 55 ของปริมาณยางธรรมชาติที่ใช้ในประเทศทั้งหมด มีโรงงานผลิตยางรถยนต์ขนาดใหญ่ ในจีนกว่า 20 บริษัท มีทั้งที่เป็นบริษัทข้ามชาติ บริษัทของจีนและการร่วมลงทุนของบริษัทยางรถยนต์ต่างชาติกับบริษัทยางของ จีน อุตสาหกรรมรถยนต์ของจีนขยายตัวอย่างต่อเนื่องจากปี 2545 ที่ผลิตรถยนต์ได้ 3.2 ล้านคัน เพิ่มเป็นประมาณ 5 ล้านคันค่อปี แต่คาดว่าในปัจจุบันที่ภาวะน้ำมันสูงขึ้นในอนาคตกำลังการผลิตรถยนต์จะลดลง เหลือ 1 ล้านคันต่อปี เนื่องจากอุตสาหกรรมผลิตภัณฑ์ยางเป็นอุตสาหกรรมที่ทำให้เศรษฐกิจของจีนขยาย ตัวอย่างรวดเร็ว จึงเป็นสาเหตุที่ทำให้ความต้องการใช้ยางของจีนเพิ่มขึ้นอย่างมาก จนมีการคาดการณ์ว่าในปี 2563 จีนจะใช้ยางธรรมชาติและยางสังเคราะห์รวมทั้งสิ้น 7.3 ล้านตัน และการใช้ยางของจีนจะเป็นสัดส่วนร้อยละ 25 ของการใช้ยางทั้งหมดของโลก แต่เนื่องจากสภาพแวดล้อมที่ไม่อำนวยต่อการปลูกยางของจีน ปัญหาจากลมไต้ฝุ่น อากาศหนาวเย็นและความแห้งแล้ง ทำให้จีนไม่สามารถขยายพื้่นที่ปลูกยางในประเทศได้ รัฐบาลจีนมีนโยบายเพิ่มพื้นที่ปลูกยางในประเทศเพื่อนบ้านอีก 10,000 เฮกตาร์ หรือ 625,000 ไร่ ในประเทศลาว ประเทศพม่า และประเทศกัมพูชา ปัจจุบันได้ขยายพื้นที่ปลูกยาง 100 เฮกตาร์ หรือ 625 ไร่ ทางตอนเหนือของลาว 3 จังหวัด สวนยางเปิดกรีดแล้ว 4 ปี ซึ่งอยู่ในความรับผิดชอบของบริษัทอุตสหกรรมยางธรรมชาติของยูนนาน และบริษัทมีนโยบายลงทุน 10 ล้านหยวนหรือ 55 ล้านบาท เืพื่อพัฒนาโครงการผลิตยางในลาวในอนาคตอันใกล้นี้ด้วย
ในภาวะที่ราคายางสูงขึ้นเกษตรกรหันมาปลูกยางมากขึ้น โดยในช่วงที่ผ่านมาได้มีการโค่นต้นยางและปลูกพืชชนิดอื่นทดแทนในช่วงที่ราคา ยางตกต่ำ อย่างไรก็ตามไฮนานยังมีพื้นที่ที่จะขยายการปลูกยางได้อีกประมาณ 300,000 ไร่ แต่เนื่องจากไฮนานอยุ่ในเขตที่มีสภาพแวดล้อมไม่เอื้ออำนวยต่อการปลูกยาง ดังนั้นความสามารถในการเพิ่มผลผลิตคงเป็นไปได้ค่อนข้างจำกัด
Cr http://www.yangparatrang.com/2012/09/blog-post.html
สาธารณรัฐประชาชนจีนเป็นประเทศผู้ผลิตยางอันดับ 5 ของโลกในปี 2547 มีพื้นที่ปลูกยาง 660,000 เฮกตาร์ ผลิตยางได้ประมาณ 600,000 ตัน ผลผลิตเฉลี่ย ทั้งประเทศเป็น 1,400 ตันต่อเฮกตาร์ หรือประมาณ 220 กิโลกรัมต่อไร่ พื้นที่ปลูกยางส่วนใหญ่ร้อยละ 65 เป็นสวนยางของรัฐ พื้นที่ปลูกยางของจีนมีอยู่ใน 5 มณฑลคือ มณฑลไฺฮนาน มณฑลยูนนาน มณฑลกวางตุ้ง มณฑลกวางสี และมณฑลฟูเจี้ยน
จีนมีอัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจสูงมาก ร้อยละ 9-9.5 จึงมีความต้องการใช้ยางเพิ่มขึ้น จากข้อมูลที่ได้รับจากผู้บริหารของบริษัทอุตสาหกรรมการผลิตยางของยูนนาน กล่าวว่าในปี 2547 ปริมาณการใช้ยางของจีนเพิ่มขึ้นจาก 1.3 ล้านตันในปี 2545 เป็น 1.8 ล้านตัน ในปี 2547 ต้องนำเข้ายางประมาณ 1.2 ล้านตัน โดยร้อยละ 80 เป็นการนำเข้ายางจากไทย ในขณะที่จีนมีปริมาณการผลิตยางของประเทศ
ประมาณ 600,000 ตัน อุตสาหกรรมยางยานพาหนะของจีนเป็นภาคที่ใช้ยางธรรมชาติมากที่สุดถึงร้อยละ 55 ของปริมาณยางธรรมชาติที่ใช้ในประเทศทั้งหมด มีโรงงานผลิตยางรถยนต์ขนาดใหญ่ ในจีนกว่า 20 บริษัท มีทั้งที่เป็นบริษัทข้ามชาติ บริษัทของจีนและการร่วมลงทุนของบริษัทยางรถยนต์ต่างชาติกับบริษัทยางของ จีน อุตสาหกรรมรถยนต์ของจีนขยายตัวอย่างต่อเนื่องจากปี 2545 ที่ผลิตรถยนต์ได้ 3.2 ล้านคัน เพิ่มเป็นประมาณ 5 ล้านคันค่อปี แต่คาดว่าในปัจจุบันที่ภาวะน้ำมันสูงขึ้นในอนาคตกำลังการผลิตรถยนต์จะลดลง เหลือ 1 ล้านคันต่อปี เนื่องจากอุตสาหกรรมผลิตภัณฑ์ยางเป็นอุตสาหกรรมที่ทำให้เศรษฐกิจของจีนขยาย ตัวอย่างรวดเร็ว จึงเป็นสาเหตุที่ทำให้ความต้องการใช้ยางของจีนเพิ่มขึ้นอย่างมาก จนมีการคาดการณ์ว่าในปี 2563 จีนจะใช้ยางธรรมชาติและยางสังเคราะห์รวมทั้งสิ้น 7.3 ล้านตัน และการใช้ยางของจีนจะเป็นสัดส่วนร้อยละ 25 ของการใช้ยางทั้งหมดของโลก แต่เนื่องจากสภาพแวดล้อมที่ไม่อำนวยต่อการปลูกยางของจีน ปัญหาจากลมไต้ฝุ่น อากาศหนาวเย็นและความแห้งแล้ง ทำให้จีนไม่สามารถขยายพื้่นที่ปลูกยางในประเทศได้ รัฐบาลจีนมีนโยบายเพิ่มพื้นที่ปลูกยางในประเทศเพื่อนบ้านอีก 10,000 เฮกตาร์ หรือ 625,000 ไร่ ในประเทศลาว ประเทศพม่า และประเทศกัมพูชา ปัจจุบันได้ขยายพื้นที่ปลูกยาง 100 เฮกตาร์ หรือ 625 ไร่ ทางตอนเหนือของลาว 3 จังหวัด สวนยางเปิดกรีดแล้ว 4 ปี ซึ่งอยู่ในความรับผิดชอบของบริษัทอุตสหกรรมยางธรรมชาติของยูนนาน และบริษัทมีนโยบายลงทุน 10 ล้านหยวนหรือ 55 ล้านบาท เืพื่อพัฒนาโครงการผลิตยางในลาวในอนาคตอันใกล้นี้ด้วย
ในภาวะที่ราคายางสูงขึ้นเกษตรกรหันมาปลูกยางมากขึ้น โดยในช่วงที่ผ่านมาได้มีการโค่นต้นยางและปลูกพืชชนิดอื่นทดแทนในช่วงที่ราคา ยางตกต่ำ อย่างไรก็ตามไฮนานยังมีพื้นที่ที่จะขยายการปลูกยางได้อีกประมาณ 300,000 ไร่ แต่เนื่องจากไฮนานอยุ่ในเขตที่มีสภาพแวดล้อมไม่เอื้ออำนวยต่อการปลูกยาง ดังนั้นความสามารถในการเพิ่มผลผลิตคงเป็นไปได้ค่อนข้างจำกัด
Cr http://www.yangparatrang.com/2012/09/blog-post.html
อนาคตยางพาราไทย ภายใต้ AEC เลิกกองทุนสงเคราะห์สวนยาง ?
ผศ.ดร.อัทธ์ พิศาลวานิช คณบดีคณะเศรษฐศาสตร์และผู้อำนวยการศูนย์ศึกษา
การค้าระหว่างประเทศ มหาวิทยาลัยหอ
การค้าไทยได้เสนอแนะนโยบายเร่งด่วนเพื่อพัฒนายางพาราไทย ภายใต้ประชาคม
เศรษฐกิจอาเซียนและอาเซียน +3 (เกาหลี ใต้ ญี่ปุ่น และจีน)
โดยให้ไทยเป็นศูนย์ กลางยางพารา (HUB)
เนื่องจากว่าไทยเป็นผู้ผลิตและส่งออกรายใหญ่ซึ่งเป็นจุดแข็งในการสร้างอำนาจ
ต่อรองและเป็นผู้กำหนดราคา อีกทั้งยังจะทำให้ไทยเป็นศูนย์
กลางในการผลิตอุตสาหกรรมปลายน้ำของยางพาราและอุตสาหกรรมที่สร้างมูลค่าเพิ่ม
จากการแปรรูปยางพาราอีกทางหนึ่งด้วย
รัฐต้องปล่อยให้ราคายางเป็นไปตามกลไกตลาดไม่แทรกแซง
แต่ควรหันไปส่งเสริมอุตสาหกรรมปลายน้ำและการสร้างมูลค่าเพิ่มในผลิตภัณฑ์ยาง
ต่างๆเพื่อช่วยแก้ปัญหาทั้งราคาและการพึ่งพิงตลาดต่างประเทศ
อีกทั้งจะต้องเร่งการจัดตั้งการยางแห่งประเทศไทย ด้วยการยก
ร่างพระราชบัญญัติการยางแห่งประเทศไทยให้ยกเลิกกองทุนสงเคราะห์การทาสวนยาง
และองค์การสวนยางและให้จัดตั้ง การยางแห่งประเทศไทย
เพื่อทาหน้าที่บริหารจัดการยางพาราของประเทศทั้งระบบอย่างครบวงจร
อีกส่วนหนึ่งคือต้องเร่งพัฒนาตลาดสินค้าเกษตรล่วงหน้า หรือ AFET ให้เข้มแข็ง เพื่อเป็นแหล่งรองรับสินค้าในราคายุติธรรม สร้างศักยภาพการแข่งขันให้กับเกษตรกร และรัฐควรส่งเสริมให้ผู้ประกอบการหาตลาดใหม่ๆ เพิ่มเติมเช่นตลาดในกลุ่ม BRIC (บราซิล รัสเซีย อินเดีย จีน) ซึ่งเป็นประเทศที่เศรษฐกิจเติบโตอย่างรวดเร็ว
นอกจากนี้ จะต้องมีการพัฒนาเทคโนโลยีเพื่อสร้างสัดส่วนการใช้ประโยชน์ในประเทศให้สูง ขึ้น ด้วยการลงทุนวิจัยเพื่อการพัฒนาเทคโนโลยีทั้งต้นน้ำ กลางน้ำ และปลายน้ำ เพื่อเสริมสร้างศักยภาพ การแข่งขันให้เกิดการใช้ยางในประเทศ เพิ่มขึ้น ลดความเสี่ยงในการส่งออก คิด ค้นและพัฒนาผลผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ เพื่อสร้าง มูลค่าเพิ่มให้เกิดขึ้น เช่น การพัฒนาวัตถุดิบ ยางไปสู่อุตสาหกรรมใหม่ซึ่งเป็นนวัตกรรม แบบก้าวกระโดด (Radical Innovation) เช่น อุตสาหกรรมเครื่องสาอางจากสารสกัดเปลือกไม้ยางพารา เป็นต้น
ปัจจุบันจีนนับเป็นประเทศผู้ใช้ยางพารารายใหญ่ที่สุดในโลก เฉลี่ย 5 ปีที่ผ่านมาคิดเป็นร้อยละ 32.23 ของปริมาณการใช้ยางพาราของทั้งโลก 60% เป็นการ ใช้ในอุตสาหกรรมยานยนต์ ปี 2553 จีนผลิตรถยนต์ 18.26 ล้านคัน ปี 2554 ผลิต รถยนต์ 18.42 ล้านคันเป็นอันดับ 1 ของโลก มณฑลที่นำเข้ายางพารามากที่สุดคือ ชานตง ซึ่งเป็นศูนย์กลางผลิตยางรถ ยนต์และอุตสาหกรรมแปรรูปยางที่สำคัญของจีน
ขณะที่พื้นที่ปลูกยางของไทยอินโดนีเซียและมาเลเซียมีมากกว่า 60% ของ โลก แต่ปัจจุบันพื้นที่ปลูกยางมาเลเซียลดลงเพราะหันไปปลูกปาล์มแทน ถึงกระนั้นตั้งแต่ปี 2549-2554 พื้นที่ปลูกยางโลกก็เพิ่มขึ้น 14.26% เฉลี่ยปีละ 2.71% กลุ่มการศึกษายางระหว่างประเทศ (International Rubber Study Group : IRSG) ศึกษาพบว่าในอนาคตประเทศผู้ผลิตยาง ไทยและมาเลเซียสนใจปลูกยางในประเทศ อื่น เช่น พม่า ลาว กัมพูชา เพราะที่ดินใน ประเทศไม่เพียงพอ
ที่มา : สยามธุรกิจ
อีกส่วนหนึ่งคือต้องเร่งพัฒนาตลาดสินค้าเกษตรล่วงหน้า หรือ AFET ให้เข้มแข็ง เพื่อเป็นแหล่งรองรับสินค้าในราคายุติธรรม สร้างศักยภาพการแข่งขันให้กับเกษตรกร และรัฐควรส่งเสริมให้ผู้ประกอบการหาตลาดใหม่ๆ เพิ่มเติมเช่นตลาดในกลุ่ม BRIC (บราซิล รัสเซีย อินเดีย จีน) ซึ่งเป็นประเทศที่เศรษฐกิจเติบโตอย่างรวดเร็ว
นอกจากนี้ จะต้องมีการพัฒนาเทคโนโลยีเพื่อสร้างสัดส่วนการใช้ประโยชน์ในประเทศให้สูง ขึ้น ด้วยการลงทุนวิจัยเพื่อการพัฒนาเทคโนโลยีทั้งต้นน้ำ กลางน้ำ และปลายน้ำ เพื่อเสริมสร้างศักยภาพ การแข่งขันให้เกิดการใช้ยางในประเทศ เพิ่มขึ้น ลดความเสี่ยงในการส่งออก คิด ค้นและพัฒนาผลผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ เพื่อสร้าง มูลค่าเพิ่มให้เกิดขึ้น เช่น การพัฒนาวัตถุดิบ ยางไปสู่อุตสาหกรรมใหม่ซึ่งเป็นนวัตกรรม แบบก้าวกระโดด (Radical Innovation) เช่น อุตสาหกรรมเครื่องสาอางจากสารสกัดเปลือกไม้ยางพารา เป็นต้น
ปัจจุบันจีนนับเป็นประเทศผู้ใช้ยางพารารายใหญ่ที่สุดในโลก เฉลี่ย 5 ปีที่ผ่านมาคิดเป็นร้อยละ 32.23 ของปริมาณการใช้ยางพาราของทั้งโลก 60% เป็นการ ใช้ในอุตสาหกรรมยานยนต์ ปี 2553 จีนผลิตรถยนต์ 18.26 ล้านคัน ปี 2554 ผลิต รถยนต์ 18.42 ล้านคันเป็นอันดับ 1 ของโลก มณฑลที่นำเข้ายางพารามากที่สุดคือ ชานตง ซึ่งเป็นศูนย์กลางผลิตยางรถ ยนต์และอุตสาหกรรมแปรรูปยางที่สำคัญของจีน
ขณะที่พื้นที่ปลูกยางของไทยอินโดนีเซียและมาเลเซียมีมากกว่า 60% ของ โลก แต่ปัจจุบันพื้นที่ปลูกยางมาเลเซียลดลงเพราะหันไปปลูกปาล์มแทน ถึงกระนั้นตั้งแต่ปี 2549-2554 พื้นที่ปลูกยางโลกก็เพิ่มขึ้น 14.26% เฉลี่ยปีละ 2.71% กลุ่มการศึกษายางระหว่างประเทศ (International Rubber Study Group : IRSG) ศึกษาพบว่าในอนาคตประเทศผู้ผลิตยาง ไทยและมาเลเซียสนใจปลูกยางในประเทศ อื่น เช่น พม่า ลาว กัมพูชา เพราะที่ดินใน ประเทศไม่เพียงพอ
ที่มา : สยามธุรกิจ
วันพฤหัสบดีที่ 14 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2556
ครีมหน้าใสจากยางพารา นวัตกรรม จากม.อ.หาดใหญ่
อนาคตชาวสวนมีเฮ ครีมหน้าใสจากยางพารา นวัตกรรม จากม.อ.หาดใหญ่
เชื่อมั้ยว่า…ยางพาราจะทำให้หน้าขาวได้ หลายคนอาจสงสัยยางพาราจะไปเกี่ยวข้องกับความงามได้อย่างไร
ในภาวะเศรษฐกิจโลกที่ทั่วโลกได้รับผลกระทบกันอย่างหนัก ยางพาราราคาตกไปกว่าครึ่ง ชาวสวนยางต้องร้องครวญกับราคายางที่ร่วงและอนาคตที่ดูมืดมน บัดนี้น้ำยางพารามีมูลค่าเพิ่มขึ้นหลายร้อยเท่า เพราะยางพารากลายเป็นพืชแห่งความงามไปแล้วจากงานวิจัยของอาจารย์จากม.อ.หาดใหญ่ทำให้งานวิจัยไม่ตั้งอยู่เฉพาะบนหิ้งอีกต่อไป
รศ.ดร.รพีพรรณ วิทิตสุวรรณกุล ภาควิชาชีวเคมี คณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ เมธีวิจัยอาวุโส(สกว.) (เมธีวิจัยอาวุโส สกว. คือ ผู้ที่ได้รับ “ทุนส่งเสริมกลุ่มวิจัย” จากสำนักงานกองทุนสนับสนุนการวิจัย(สกว.) เพื่อสนับสนุนนักวิจัยอาวุโสให้สร้างนักวิจัยใหม่ที่มีความสามารถทางวิชาการสูง และเพื่อเป็นเกียรติแก่นักวิจัยในฐานะที่สร้างผลงานดีเด่น โดยเริ่มให้ทุนวิจัยตั้งแต่ ปี พ.ศ. 2538 เป็นต้นมา ผู้ได้รับคัดเลือกให้เป็นเมธีวิจัยอาวุโส สกว. จะเข้ารับพระราชทานรางวัลจากสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี) เจ้าของสิทธิบัตรครีมเสริมสุขภาพผิวจากยางพารา เปิดเผยว่า
“จากการศึกษาและวิจัยยางพารามากว่า 20 ปี สังเกตเห็นว่า ยางพารา เป็นพืชที่ถูกคุกคามโดยการทำให้เกิดบาดแผลจากการกรีดแทบทุกวัน การที่เรากรีดเปลือกยางเพื่อเอาน้ำยาง ทำให้ต้นยางเป็นแผลและมีจุลินทรีย์เข้าไปรบกวน ต้นยางจึงสร้างสารต่อสู้จุลินทรีย์และหลั่งออกมาในน้ำยางด้วย และสร้างสารพฤกษเคมีขึ้นเพื่อรักษาบาดแผลและสร้างเนื้อเยื่อใหม่แทนบาดแผลที่โดนกรีด และสังเกตเห็นคนงานในโรงงานยางพารา ส่วนใหญ่ล้วนมีผิวพรรณที่มีสุขภาพดี จึงเกิดความคิดที่จะศึกษาวิจัยความพิเศษของสารในน้ำยาง”
โดยผลจากการวิจัยร่วมกันหลายฝ่ายจากนักศึกษาปริญญาเอกและนักวิจัยอื่นๆพบว่าน้ำยางสดเป็นแหล่งที่อุดมไปด้วยสารพฤกษเคมีนานาชนิดซึ่งในน้ำยางพารานั้นมีส่วนประกอบของสารโปรตีเอสอินฮิบิเตอร์, แอนติออกซิแดนท์ 2-3 ประเภท, น้ำตาลแอลกอฮอล์ที่เป็นตัวสร้างความชุ่มชื้น และสารแอลฟาไฮดรอกซิเอซีฟ (เอ เอช เอ) ซึ่งเป็นสารที่มีประโยชน์และมักใช้เป็นส่วนประกอบในผลิตภัณฑ์ความงามหลายชนิด จึงสกัดสารเหล่านี้ออกมาแล้วส่งไปให้ทีมนักวิจัยจากมหาวิทยาลัยหัวเฉียวเฉลิมพระเกียรติพัฒนาเป็นครีมและทำการทดลองในคน ส่วนทีมวิจัยจากมหาวิทยาลัยนเรศวรทำการพัฒนาเกี่ยวกับการส่งสารเข้าสู่ผิวและทดลองในคน ซึ่งจากการวิจัยพบว่า ผู้ที่ใช้ครีมมีใบหน้าที่ขาวและเรียบเนียนขึ้นภายใน 6-8 สัปดาห์ อีกทั้งไม่พบอาการแพ้ใด ๆ นอกจากนี้ยางพารายังมีคุณสมบัติต้านอนุมูลอิสระที่มีประสิทธิภาพสูงมาก
ทางด้านเงินทุนได้รับการสนับสนุนทุนในการวิจัยจากศูนย์ความเป็นเลิศด้านชีววิทยาศาสตร์ของประเทศไทย(TCELS) จำนวน 5 ล้านบาท เพื่อดำเนินโครงการวิจัยครีมหน้าขาวจากน้ำยางพารา โดยใช้ระยะเวลาในการค้นคว้า วิจัย และปรับปรุงผลิตภัณฑ์เป็นเวลา 3 ปี
สำหรับผลการทดลองในห้องแล็บนั้น ดร.รพีพรรณ เปิดเผยว่า สามารถเชื่อถือได้ในระดับหนึ่งคือ สารสกัดจากยางพารามีสารต้านไม่ทำให้เกิดสีผิวเข้ม ซึ่งกระบวนการที่จะทำให้สีผิวเข้มนั้นมี 2 กระบวนการ โดยสารที่สกัดมาสามารถยับยั้งได้ คือ 1.การยับยั้งกระบวนการสร้างเม็ดสี2.ไม่ให้เกิดการขนถ่ายของเม็ดสี เนื่องจากเห็นว่าสารสกัดจากธรรมชาตินั้นไม่ก่อให้เกิดพิษไม่เหมือนกับสารสกัดอื่นๆ
“อย่างที่มีข่าวว่า “ไฮโดรควิโนน” เป็นสารพิษที่ทำให้เกิดใบหน้าด่างขาวมากไป มีพิษต่อเซลล์ แต่ถ้าหากใช้สารจากธรรมชาติโดยปกติจะไม่มีพิษหรือน้อยมาก ถ้าไม่ใช้ในปริมาณมาก หรือความเป็นกรดอย่างแรงก็จะไม่เป็นพิษ ส่วนผลข้างเคียงนั้น จากการทดลองกับสัตว์อื่นที่นอกจากหมูพื้นเมืองที่มีผิวคล้ายมนุษย์มากที่สุดแล้วพบว่าไม่เกิดการแพ้ใดๆ อย่างในการทดลองกับกระต่ายที่มีผิวแพ้ง่าย ก็ไม่เกิดการแพ้ ในหนูเมื่อให้รับประทานก็ไม่ตาย จึงเชื่อว่าผลข้างเคียงที่จะทำให้เกิดการแพ้นั้นน่าจะไม่เกิดขึ้น ส่วนระยะเวลาที่จะเห็นผลจากการทดลองกับสัตว์ ใน 8 สัปดาห์ก็สามารถเห็นผลได้ชัดเจนแล้ว แต่ในมนุษย์นั้นก็ต้องขึ้นอยู่กับเซลล์ผิวของแต่ละบุคคลซึ่งต่างกัน ในคนผิวขาวซึ่งมีเม็ดสีน้อยก็จะได้ผลเร็วกว่าผู้ที่มีสีผิวคล้ำ ระยะเวลาจึงไม่แน่นอนซึ่งต้องพิสูจน์ต่อไป”
จากการวิจัยสารสกัดที่อยู่ในน้ำยางพาราพบว่ามีกลุ่มสารที่เหมาะสำหรับนำไปใช้ทำเครื่องสำอางเพื่อเสริมหรือรักษาสุขภาพผิวพรรณให้ขาวใส เนียน และเต่งตึงขึ้น ได้แก่
1.สารต้านกิจกรรมการขนถ่ายเม็ดสีจากเซลล์สร้างเม็ดสี ไปยังเซลล์ผิว ทำให้ผิวขาวขึ้นเพราะเซลล์ผิวมีปริมาณเม็ดสีน้อยลง
2.สารแอนตี้ออกซิแด้นท์ ชนิดที่นอกจากจะสามารถทำลายฤทธิ์สารอนุมูลอิสระของออกซิเจน ซึ่งเป็นสาเหตุของการเสื่อมสภาพของเซลล์ผิวหนัง ทำให้เหี่ยวย่นและมีริ้วรอยแล้ว ยังสามารถส่งผลให้มีการเพิ่มขึ้นของกิจกรรมการสร้างเม็ดสีพีโอเมลานิน ซึ่งเป็นเม็ดสีหลักสำหรับผิวฝรั่ง และการลดลงของกิจกรรมการสร้างเม็ดสียูเมลานิน ซึ่งเป็นเม็ดสีหลักของคนผิวเอเชียและนิโกร
3.สารซูเปอร์แอนตี้ออกซิแด้นท์ ที่สามารถทำลายทั้งฤทธิ์ของอนุมูลอิสระของออกซิเจน และอนุมูลอิสระของไนโตรเจน รวมทั้งสามารถต้านกิจกรรมการกระตุ้นการสร้างสารไฮโดรเจนเปอร์ออกไซด์ ของเซลล์ผิวหนังเมื่อได้รับรังสียูวีจากแสงแดด ได้อีกด้วย ส่งผลยับยั้งการเกิดริ้วรอยและเสื่อมสภาพของผิวหนัง
4.สารน้ำตาลแอลกอฮอล์ น้ำตาลซูโครส, ฟรุคโตส และกรดอะมิโนที่สามารถเพิ่มความชุ่มชื้นให้กับผิวหนังให้ดูเต่งตึงขึ้น
5.สารแอลฟาและเบต้าไฮดรอกซีแอซิด ที่สามารถช่วยเอื้อต่อการหลุดลอกของเซลล์ผิวที่ตายแล้วบนผิวชั้นนอกให้ง่ายขึ้น โดยสารเบต้าไฮดรอกซิแอซิดสามารถแทรกซึมเข้าไปออกฤทธิ์ในระดับรูขุมขนพร้อมทั้งสามารถป้องกันเซลล์ผิวจากการแผดเผาด้วยรังสียูวีบีได้ด้วย ส่งผลกระตุ้นการผลัดเปลี่ยนเซลล์ผิวใหม่ ทำให้ผิวหน้าแลดูเนียนและสดใสขึ้น
6. สารอาหารกรดอะมิโน 17 ชนิดรวมทั้งชนิดที่ใช้สำหรับสร้างโปรตีนคีราติน และคอลลาเจนเพื่อสุขภาพของที่ดีของเซลล์ผิว
7. สารอาหารแร่ธาตุสำคัญปริมาณน้อย จำพวก สังกะสี, โครเมียม, ทองแดง, แมงกานีส และซีเลเนียมที่เอื้อต่อกระบวนการปรับปรุงสุขภาพผิว
โดยสารสกัดที่เตรียมได้จากซีรั่มน้ำยางพารา (Hevea brasilensis) หรือสารสกัดเอชบีดังกล่าว พบว่ามีเอกลักษณ์โปรตอนเอ็นเอ็มอาร์สเปกตรัมเฉพาะตัว มีคุณสมบัติที่ไม่ก่อให้เกิดการระคายเคือง หรืออาการแพ้ต่อผิวหนังในระดับสัตว์ทดลองตามวิธีมาตรฐาน OECD มีระดับการปนเปื้อนเชื้อจุลชีพที่ผ่านเกณฑ์มาตรฐาน FDA และจากข้อมูลผลประเมินที่รวบรวมได้จากอาสาสมัคร พบว่าครีมเบสที่ประกอบด้วยสารสกัดเฮชบี 5 กรัม % สามารถปรับปรุงรักษาสุขภาพผิวหน้าของอาสาสมัครได้เป็นอย่างดี
โดยหลังการทาครีมเฮชบี ไปได้ 9 สัปดาห์ ในกลุ่มอาสาสมัครที่หน้าเป็นฝ้า 64 คน พบว่า มีจำนวนที่มีหน้าขาวขึ้น 98.4%, ฝ้าจางลง 96.8%, หน้าเรียบเนียนขึ้น 92.2% และ ความมันบนใบหน้าลดลง 53.1% และในกลุ่มอาสาสมัครที่หน้าเป็นสิว 36 คน พบว่า มีจำนวนที่มีการอักเสบของสิวลดลง 100%, ปริมาณสิวลดลง 100% , ความมันบนใบหน้าลดลง 88.9% และ รอยด่างดำจากสิวลดลง 86.1%
ขณะเดียวกันนอกเหนือจากคุณสมบัติในการรักษาใบหน้าที่หมองคล้ำแล้ว ยังอาจใช้ร่วมกับส่วนอื่นๆของร่างกายได้ด้วย โดย ดร.รพีพรรณ ระบุว่า
“เราอาจใช้ร่วมกับส่วนอื่นๆได้ แต่โดยเบื้องต้นเราทำออกมาเป็นครีมทาหน้า ซึ่งต่อไปก็อาจเป็นสบู่ และอื่นๆ คือสามารถใช้ได้กับทุกส่วนของร่างกาย แต่ก็ต้องทำการทดลองต่อไปอีกเป็นแผนที่เราจะดำเนินต่อไปจากนี้“
“ประเทศไทยมียางพาราจำนวนมากและส่งออกไปทั่วโลก ทั้งนโยบายรัฐบาลยังส่งเสริมการปลูกยางพาราในหลายๆพื้นที่ ทำให้เรามีวัตถุดิบในด้านนี้เหลือเฟือ ขณะเดียวกันการค้นพบตรงนี้ยังช่วยต่อยอดศักยภาพของผลิตภัณฑ์ได้เป็นอย่างดี ตอนนี้ผลิตตามความต้องการของลูกค้า หลังจากได้รับหมายเลขในการจดสิทธิบัตรประมาณเดือนมีนาคมนี้จึงจะผลิตในระดับอุตสาหกรรมเพื่อจัดจำหน่ายต่อไป ซึ่งเจ้าของคือทางม.อ.และTCELS จะตกลงกันว่าจะขายสิทธิบัตรให้บริษัทไหนไปผลิต ในอนาคตอยากขายสารสกัดมากกว่าเพราะสามารถส่งออกและขยายตลาดได้ทั่วโลก ”ดร.รพีพรรณเอ่ยถึงการดำเนินงาน
ในด้านการส่งเสริมให้ชาวสวนมีรายได้เพิ่มจากการวิจัยนี้ รศ.ดร.รพีพรรณกล่าวว่า ต้องมองในภาพรวมเพราะต้องมีการพัฒนาไปถึงระดับที่เอกชนสามารถทำเองได้ ต้องมีการอบรมและการจัดการที่มีประสิทธิภาพในการจะเอาสารสกัดหรือเซรั่มที่บริสุทธิ์เพราะนำมาให้กับใบหน้า ชาวสวนก็จะมีรายได้เพิ่มจากส่วนที่ไม่ใช่ยางหรือน้ำยางโดยเอาส่วนที่เป็นสารสกัดมาขายได้ภายใต้สถานการณ์การควบคุมคุณภาพจากบริษัทผู้ผลิต
“อยากให้เด็กรุ่นใหม่คิดค้นทดลองและเข้ามาสู่งานวิจัยกันมากขึ้น จากการที่เราขายยางไปอย่างเดียวแล้วต่างประเทศคิดค้นผลิตภัณฑ์ จดสิทธิบัตรนำสินค้ากลับเข้ามาขายเราในราคาแพง เราต้องคิดต่างออกไป และยังหวังว่าเด็กไทยยังมีความสามารถอีกมากและควรใช้ให้เกิดประโยชน์มากกว่านี้” เมธีวิจัยอาวุโสกล่าวปิดท้าย
ครีมหน้าใสยางพารา (Hb Brightening Cream) มีวิธีใช้คือ หลังการทำความสะอาด ทาครีมลงบนผิวหน้าและลำคอเพียงบางๆ ทุกเช้าและเย็นหรือบ่อยครั้งตามที่ต้องการ ควรเก็บครีมไว้ในที่ที่มีอากาศถ่ายเทได้ดีและไม่โดนแสงแดดหรือเก็บไว้ในตู้เย็น ก่อนใช้ควรทดลองทาบางๆ ใต้ท้องแขนและทิ้งไว้ 12 ชั่วโมง หากเกิดการระคายเคืองควรระงับการใช้
ปัจจุบันตลาดครีมหน้าขาวกำลังได้รับความนิยม โดยพบว่าในประเทศไทยมีมูลค่าประมาณปีละ 25,000 ล้านบาท ดังนั้นการค้นพบสารสกัดจากน้ำยางพาราที่มีคุณสมบัติลดความเข้มข้นของสีผิว จะช่วยเสริมสร้างศักยภาพยางพาราเพื่อการใช้ประโยชน์ที่หลากหลายได้อีกระดับหนึ่ง และเป็นแนวทางที่เป็นประโยชน์ต่อเศรษฐกิจของประเทศด้วย
ที่มา : สำนักข่าวมุสลิมไทย
ข้อมูลเกี่ยวกับน้ำส้มฆ่ายาง
น้ำส้มฆ่ายาง(ชีวภาพ)
สำหรับน้ำส้มฆ่ายางชีวภาพระยะหลังๆวงการเกษตรเกิดกระแสการใช้สารสกัดจากธรรมชาติได้รับความนิยมมากขึ้น (แต่ก็ยังถือว่าน้อยอยู่ ) โดยเฉพาะปุ๋ยหมักและน้ำหมักที่สามารถทำเองได้ไม่ต้องซื้อหา รวมไปถึงชาวสวนยางก็สามารถนำกลุ่มสารชีวภาพเหล่านี้(เช่น น้ำส้มควันไม้,น้ำหมักกล้วย เป็นต้น)มาแทนน้ำส้มฆ่ายาง (กรดฟอร์มิก) ในการทำยางก้อนถ้วย ที่มีผลกระทบกับคนและต้นยาง แต่ข้อมูล (จากหลายแหล่ง) มาว่า น้ำชีวภาพที่นำมาใช้ทำยางก้อนถ้วย จะทำให้ยางเสื่อมสภาพลงและจะสงผลต่อการนำไปแปรรูป เช่น เอาไปทำยางรถยนต์ไม่ได้ เป็นต้น ทำให้พ่อค้ากดราคาขี้ยาง สหกรณ์ต่างๆและ อสย. ยังไม่รับซื้อ
กรดทุกชนิดให้ประจุบวกจากธาตุ
H (ไฮโดรเย่น) ที่มีอยู่ในกรด
ประจุบวกในกรดจะทำให้อนุภาคของเนื้อยาง (Rubber Particle) ที่ลอยอยู่ในน้ำยางจับตัวกันเป็นก้อน คนจึงนิยมใช้
1.กรดซัลฟูริคที่ใช้กับหม้อแบเตอรี่ตะกั่วเป็นกรดอนินทรีย์ กรดนี้ใช้แต่น้อย ราคาถูก เมื่อทำแผ่นแล้วต้องล้างน้ำ และไม่ให้ใส่เกินความจำเป็นที่ใช้จับอนุภาคยาง
2.กรดฟอร์มิค เป็นเป็นกรดอินทรีย์ที่เรานำเข้าจากต่างประเทศราคาแพง ต้องใช้มากกว่ากรด ซัลฟูริด ไส่มากไปนิดหน่อยก็ไม่ทำให้ยางเปื่อย กรดนี้จึงนิยมใช้กัน
3.กรด อาซีติกหรือกรดน้ำส้ม ใช้ได้เหมือนกรด ฟอร์มิคเพราะเป็นกรดอินทรีย์เหมือนกัน
4.กรดมะนาวหรือกรด ซิตริด กรดนี้ใช้กันน้อยเพราะมีราคาแพง ถ้าทำเองจากส้มจะไม่ค่อยคงตัว
กรดที่ใส่ลงไปในน้ำยางจะต้อง-ใส สะอาด ไม่มีสิ่งสกปรก-สีเจือปน เช่นเนื้อกล้วย น้ำมันดินในน้ำส้มควันไม้ สีดำในน้ำส้มที่โดนแสงแดด ฯลฯ
ดังนั้นน้ำหมักทั้งหลายถ้าทำให้ ใสสะอาดเช่นกรองให้ดี ไม่มีสารบูดเน่าปน มีค่า ความเป็นกรดคงที่ แล้วใช้ ก็ไม่มีปัญหาในเรื่องคุณภาพยาง
ประจุบวกในกรดจะทำให้อนุภาคของเนื้อยาง (Rubber Particle) ที่ลอยอยู่ในน้ำยางจับตัวกันเป็นก้อน คนจึงนิยมใช้
1.กรดซัลฟูริคที่ใช้กับหม้อแบเตอรี่ตะกั่วเป็นกรดอนินทรีย์ กรดนี้ใช้แต่น้อย ราคาถูก เมื่อทำแผ่นแล้วต้องล้างน้ำ และไม่ให้ใส่เกินความจำเป็นที่ใช้จับอนุภาคยาง
2.กรดฟอร์มิค เป็นเป็นกรดอินทรีย์ที่เรานำเข้าจากต่างประเทศราคาแพง ต้องใช้มากกว่ากรด ซัลฟูริด ไส่มากไปนิดหน่อยก็ไม่ทำให้ยางเปื่อย กรดนี้จึงนิยมใช้กัน
3.กรด อาซีติกหรือกรดน้ำส้ม ใช้ได้เหมือนกรด ฟอร์มิคเพราะเป็นกรดอินทรีย์เหมือนกัน
4.กรดมะนาวหรือกรด ซิตริด กรดนี้ใช้กันน้อยเพราะมีราคาแพง ถ้าทำเองจากส้มจะไม่ค่อยคงตัว
กรดที่ใส่ลงไปในน้ำยางจะต้อง-ใส สะอาด ไม่มีสิ่งสกปรก-สีเจือปน เช่นเนื้อกล้วย น้ำมันดินในน้ำส้มควันไม้ สีดำในน้ำส้มที่โดนแสงแดด ฯลฯ
ดังนั้นน้ำหมักทั้งหลายถ้าทำให้ ใสสะอาดเช่นกรองให้ดี ไม่มีสารบูดเน่าปน มีค่า ความเป็นกรดคงที่ แล้วใช้ ก็ไม่มีปัญหาในเรื่องคุณภาพยาง
วันอังคารที่ 12 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2556
สรุปสถานการณ์ยาง
สรุปสถานการณ์ยาง
ประจำเดือน กุมภาพันธ์ 2556 |
วันที่
|
|||||||||||
ราคายางแผ่นดิบคุณภาพ 3
(บาท/ก.ก.) |
ราคายางแผ่นรมควัน ชั้น 3
(บาท/ก.ก.) |
กทม.
(บาท/ก.ก.) |
|||||||||
หาดใหญ่
|
สุราษฎร์ฯ
|
นครศรีฯ
|
กทม.
(FOB) |
หาดใหญ
(FOB) ่ |
โตเกียว
(C&F) |
สิงค์โปร์
(FOB) |
ยางแท่ง
(FOB) |
น้ำยางข้น
(FOB) |
|||
1/2/56
|
86.68
|
85.59
|
86.29
|
97.35
|
97.10
|
99.11
|
101.34
|
90.00
|
59.15
|
||
4/2/56
|
87.87
|
87.39
|
87.07
|
99.35
|
99.10
|
101.28
|
100.54
|
92.00
|
60.15
|
||
5/2/56
|
87.67
|
86.89
|
87.18
|
99.60
|
99.35
|
101.09
|
100.04
|
92.25
|
60.15
|
||
6/2/56
|
87.75
|
86.86
|
87.22
|
99.85
|
99.60
|
100.07
|
99.20
|
92.50
|
60.65
|
||
7/2/56
|
86.90
|
86.29
|
86.76
|
99.10
|
98.85
|
100.23
|
98.69
|
92.30
|
60.45
|
||
8/2/56
|
86.28
|
86.42
|
0.00
|
98.60
|
98.35
|
99.35
|
97.51
|
92.30
|
60.20
|
||
11/2/56
|
84.29
|
86.06
|
86.19
|
97.80
|
97.55
|
0.00
|
0.00
|
91.80
|
59.90
|
||
12/2/56
|
85.98
|
86.62
|
86.02
|
98.30
|
98.05
|
0.00
|
0.00
|
91.80
|
60.65
|
||
ค่าเฉลี่ย
|
86.68
|
86.52
|
86.68
|
98.74
|
98.49
|
100.19
|
99.55
|
91.87
|
60.16
|
ที่มา :
|
ฝ่ายพัฒนาสวนสงเคราะห์ สำนักงานกองทุนสงเคราะห์การทำสวนยาง
กรุงเทพ ฯ
|
ยางแผ่นรมควันชั้น 3 FOB ส่งมอบล่วงหน้า 2 เดือน
| |
ยางแท่งและน้ำยางข้น FOB ส่งมอบล่วงหน้า 1 เดือน
|
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)