วันพฤหัสบดีที่ 14 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2556

ครีมหน้าใสจากยางพารา นวัตกรรม จากม.อ.หาดใหญ่

อนาคตชาวสวนมีเฮ ครีมหน้าใสจากยางพารา นวัตกรรม จากม.อ.หาดใหญ่

          

     เชื่อมั้ยว่า…ยางพาราจะทำให้หน้าขาวได้ หลายคนอาจสงสัยยางพาราจะไปเกี่ยวข้องกับความงามได้อย่างไร
     ในภาวะเศรษฐกิจโลกที่ทั่วโลกได้รับผลกระทบกันอย่างหนัก ยางพาราราคาตกไปกว่าครึ่ง ชาวสวนยางต้องร้องครวญกับราคายางที่ร่วงและอนาคตที่ดูมืดมน บัดนี้น้ำยางพารามีมูลค่าเพิ่มขึ้นหลายร้อยเท่า เพราะยางพารากลายเป็นพืชแห่งความงามไปแล้วจากงานวิจัยของอาจารย์จากม.อ.หาดใหญ่ทำให้งานวิจัยไม่ตั้งอยู่เฉพาะบนหิ้งอีกต่อไป
     รศ.ดร.รพีพรรณ วิทิตสุวรรณกุล ภาควิชาชีวเคมี คณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์    เมธีวิจัยอาวุโส(สกว.) (เมธีวิจัยอาวุโส สกว. คือ ผู้ที่ได้รับ “ทุนส่งเสริมกลุ่มวิจัย” จากสำนักงานกองทุนสนับสนุนการวิจัย(สกว.) เพื่อสนับสนุนนักวิจัยอาวุโสให้สร้างนักวิจัยใหม่ที่มีความสามารถทางวิชาการสูง และเพื่อเป็นเกียรติแก่นักวิจัยในฐานะที่สร้างผลงานดีเด่น โดยเริ่มให้ทุนวิจัยตั้งแต่ ปี พ.ศ. 2538 เป็นต้นมา ผู้ได้รับคัดเลือกให้เป็นเมธีวิจัยอาวุโส สกว. จะเข้ารับพระราชทานรางวัลจากสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี) เจ้าของสิทธิบัตรครีมเสริมสุขภาพผิวจากยางพารา เปิดเผยว่า
    “จากการศึกษาและวิจัยยางพารามากว่า 20 ปี สังเกตเห็นว่า ยางพารา เป็นพืชที่ถูกคุกคามโดยการทำให้เกิดบาดแผลจากการกรีดแทบทุกวัน การที่เรากรีดเปลือกยางเพื่อเอาน้ำยาง ทำให้ต้นยางเป็นแผลและมีจุลินทรีย์เข้าไปรบกวน ต้นยางจึงสร้างสารต่อสู้จุลินทรีย์และหลั่งออกมาในน้ำยางด้วย และสร้างสารพฤกษเคมีขึ้นเพื่อรักษาบาดแผลและสร้างเนื้อเยื่อใหม่แทนบาดแผลที่โดนกรีด และสังเกตเห็นคนงานในโรงงานยางพารา ส่วนใหญ่ล้วนมีผิวพรรณที่มีสุขภาพดี จึงเกิดความคิดที่จะศึกษาวิจัยความพิเศษของสารในน้ำยาง”
    โดยผลจากการวิจัยร่วมกันหลายฝ่ายจากนักศึกษาปริญญาเอกและนักวิจัยอื่นๆพบว่าน้ำยางสดเป็นแหล่งที่อุดมไปด้วยสารพฤกษเคมีนานาชนิดซึ่งในน้ำยางพารานั้นมีส่วนประกอบของสารโปรตีเอสอินฮิบิเตอร์, แอนติออกซิแดนท์ 2-3 ประเภท, น้ำตาลแอลกอฮอล์ที่เป็นตัวสร้างความชุ่มชื้น และสารแอลฟาไฮดรอกซิเอซีฟ (เอ เอช เอ) ซึ่งเป็นสารที่มีประโยชน์และมักใช้เป็นส่วนประกอบในผลิตภัณฑ์ความงามหลายชนิด จึงสกัดสารเหล่านี้ออกมาแล้วส่งไปให้ทีมนักวิจัยจากมหาวิทยาลัยหัวเฉียวเฉลิมพระเกียรติพัฒนาเป็นครีมและทำการทดลองในคน ส่วนทีมวิจัยจากมหาวิทยาลัยนเรศวรทำการพัฒนาเกี่ยวกับการส่งสารเข้าสู่ผิวและทดลองในคน ซึ่งจากการวิจัยพบว่า ผู้ที่ใช้ครีมมีใบหน้าที่ขาวและเรียบเนียนขึ้นภายใน 6-8 สัปดาห์ อีกทั้งไม่พบอาการแพ้ใด ๆ นอกจากนี้ยางพารายังมีคุณสมบัติต้านอนุมูลอิสระที่มีประสิทธิภาพสูงมาก
     ทางด้านเงินทุนได้รับการสนับสนุนทุนในการวิจัยจากศูนย์ความเป็นเลิศด้านชีววิทยาศาสตร์ของประเทศไทย(TCELS) จำนวน 5 ล้านบาท เพื่อดำเนินโครงการวิจัยครีมหน้าขาวจากน้ำยางพารา โดยใช้ระยะเวลาในการค้นคว้า วิจัย และปรับปรุงผลิตภัณฑ์เป็นเวลา 3 ปี
     สำหรับผลการทดลองในห้องแล็บนั้น ดร.รพีพรรณ เปิดเผยว่า สามารถเชื่อถือได้ในระดับหนึ่งคือ สารสกัดจากยางพารามีสารต้านไม่ทำให้เกิดสีผิวเข้ม ซึ่งกระบวนการที่จะทำให้สีผิวเข้มนั้นมี 2 กระบวนการ โดยสารที่สกัดมาสามารถยับยั้งได้ คือ 1.การยับยั้งกระบวนการสร้างเม็ดสี2.ไม่ให้เกิดการขนถ่ายของเม็ดสี เนื่องจากเห็นว่าสารสกัดจากธรรมชาตินั้นไม่ก่อให้เกิดพิษไม่เหมือนกับสารสกัดอื่นๆ
    “อย่างที่มีข่าวว่า “ไฮโดรควิโนน” เป็นสารพิษที่ทำให้เกิดใบหน้าด่างขาวมากไป มีพิษต่อเซลล์ แต่ถ้าหากใช้สารจากธรรมชาติโดยปกติจะไม่มีพิษหรือน้อยมาก ถ้าไม่ใช้ในปริมาณมาก หรือความเป็นกรดอย่างแรงก็จะไม่เป็นพิษ ส่วนผลข้างเคียงนั้น จากการทดลองกับสัตว์อื่นที่นอกจากหมูพื้นเมืองที่มีผิวคล้ายมนุษย์มากที่สุดแล้วพบว่าไม่เกิดการแพ้ใดๆ อย่างในการทดลองกับกระต่ายที่มีผิวแพ้ง่าย ก็ไม่เกิดการแพ้ ในหนูเมื่อให้รับประทานก็ไม่ตาย จึงเชื่อว่าผลข้างเคียงที่จะทำให้เกิดการแพ้นั้นน่าจะไม่เกิดขึ้น ส่วนระยะเวลาที่จะเห็นผลจากการทดลองกับสัตว์ ใน 8 สัปดาห์ก็สามารถเห็นผลได้ชัดเจนแล้ว แต่ในมนุษย์นั้นก็ต้องขึ้นอยู่กับเซลล์ผิวของแต่ละบุคคลซึ่งต่างกัน ในคนผิวขาวซึ่งมีเม็ดสีน้อยก็จะได้ผลเร็วกว่าผู้ที่มีสีผิวคล้ำ ระยะเวลาจึงไม่แน่นอนซึ่งต้องพิสูจน์ต่อไป”
     จากการวิจัยสารสกัดที่อยู่ในน้ำยางพาราพบว่ามีกลุ่มสารที่เหมาะสำหรับนำไปใช้ทำเครื่องสำอางเพื่อเสริมหรือรักษาสุขภาพผิวพรรณให้ขาวใส เนียน และเต่งตึงขึ้น ได้แก่
1.สารต้านกิจกรรมการขนถ่ายเม็ดสีจากเซลล์สร้างเม็ดสี ไปยังเซลล์ผิว ทำให้ผิวขาวขึ้นเพราะเซลล์ผิวมีปริมาณเม็ดสีน้อยลง
2.สารแอนตี้ออกซิแด้นท์ ชนิดที่นอกจากจะสามารถทำลายฤทธิ์สารอนุมูลอิสระของออกซิเจน ซึ่งเป็นสาเหตุของการเสื่อมสภาพของเซลล์ผิวหนัง ทำให้เหี่ยวย่นและมีริ้วรอยแล้ว ยังสามารถส่งผลให้มีการเพิ่มขึ้นของกิจกรรมการสร้างเม็ดสีพีโอเมลานิน ซึ่งเป็นเม็ดสีหลักสำหรับผิวฝรั่ง และการลดลงของกิจกรรมการสร้างเม็ดสียูเมลานิน ซึ่งเป็นเม็ดสีหลักของคนผิวเอเชียและนิโกร
3.สารซูเปอร์แอนตี้ออกซิแด้นท์ ที่สามารถทำลายทั้งฤทธิ์ของอนุมูลอิสระของออกซิเจน และอนุมูลอิสระของไนโตรเจน รวมทั้งสามารถต้านกิจกรรมการกระตุ้นการสร้างสารไฮโดรเจนเปอร์ออกไซด์ ของเซลล์ผิวหนังเมื่อได้รับรังสียูวีจากแสงแดด ได้อีกด้วย ส่งผลยับยั้งการเกิดริ้วรอยและเสื่อมสภาพของผิวหนัง
4.สารน้ำตาลแอลกอฮอล์ น้ำตาลซูโครส, ฟรุคโตส และกรดอะมิโนที่สามารถเพิ่มความชุ่มชื้นให้กับผิวหนังให้ดูเต่งตึงขึ้น
5.สารแอลฟาและเบต้าไฮดรอกซีแอซิด ที่สามารถช่วยเอื้อต่อการหลุดลอกของเซลล์ผิวที่ตายแล้วบนผิวชั้นนอกให้ง่ายขึ้น โดยสารเบต้าไฮดรอกซิแอซิดสามารถแทรกซึมเข้าไปออกฤทธิ์ในระดับรูขุมขนพร้อมทั้งสามารถป้องกันเซลล์ผิวจากการแผดเผาด้วยรังสียูวีบีได้ด้วย ส่งผลกระตุ้นการผลัดเปลี่ยนเซลล์ผิวใหม่ ทำให้ผิวหน้าแลดูเนียนและสดใสขึ้น
6. สารอาหารกรดอะมิโน 17 ชนิดรวมทั้งชนิดที่ใช้สำหรับสร้างโปรตีนคีราติน และคอลลาเจนเพื่อสุขภาพของที่ดีของเซลล์ผิว
7. สารอาหารแร่ธาตุสำคัญปริมาณน้อย จำพวก สังกะสี, โครเมียม, ทองแดง, แมงกานีส และซีเลเนียมที่เอื้อต่อกระบวนการปรับปรุงสุขภาพผิว
โดยสารสกัดที่เตรียมได้จากซีรั่มน้ำยางพารา (Hevea brasilensis) หรือสารสกัดเอชบีดังกล่าว พบว่ามีเอกลักษณ์โปรตอนเอ็นเอ็มอาร์สเปกตรัมเฉพาะตัว มีคุณสมบัติที่ไม่ก่อให้เกิดการระคายเคือง หรืออาการแพ้ต่อผิวหนังในระดับสัตว์ทดลองตามวิธีมาตรฐาน OECD มีระดับการปนเปื้อนเชื้อจุลชีพที่ผ่านเกณฑ์มาตรฐาน FDA และจากข้อมูลผลประเมินที่รวบรวมได้จากอาสาสมัคร พบว่าครีมเบสที่ประกอบด้วยสารสกัดเฮชบี 5 กรัม % สามารถปรับปรุงรักษาสุขภาพผิวหน้าของอาสาสมัครได้เป็นอย่างดี
โดยหลังการทาครีมเฮชบี ไปได้ 9 สัปดาห์ ในกลุ่มอาสาสมัครที่หน้าเป็นฝ้า 64 คน พบว่า มีจำนวนที่มีหน้าขาวขึ้น 98.4%, ฝ้าจางลง 96.8%, หน้าเรียบเนียนขึ้น 92.2% และ ความมันบนใบหน้าลดลง 53.1% และในกลุ่มอาสาสมัครที่หน้าเป็นสิว 36 คน พบว่า มีจำนวนที่มีการอักเสบของสิวลดลง 100%, ปริมาณสิวลดลง 100% , ความมันบนใบหน้าลดลง 88.9% และ รอยด่างดำจากสิวลดลง 86.1%
ขณะเดียวกันนอกเหนือจากคุณสมบัติในการรักษาใบหน้าที่หมองคล้ำแล้ว ยังอาจใช้ร่วมกับส่วนอื่นๆของร่างกายได้ด้วย โดย ดร.รพีพรรณ ระบุว่า
“เราอาจใช้ร่วมกับส่วนอื่นๆได้ แต่โดยเบื้องต้นเราทำออกมาเป็นครีมทาหน้า ซึ่งต่อไปก็อาจเป็นสบู่ และอื่นๆ คือสามารถใช้ได้กับทุกส่วนของร่างกาย แต่ก็ต้องทำการทดลองต่อไปอีกเป็นแผนที่เราจะดำเนินต่อไปจากนี้“
“ประเทศไทยมียางพาราจำนวนมากและส่งออกไปทั่วโลก ทั้งนโยบายรัฐบาลยังส่งเสริมการปลูกยางพาราในหลายๆพื้นที่ ทำให้เรามีวัตถุดิบในด้านนี้เหลือเฟือ ขณะเดียวกันการค้นพบตรงนี้ยังช่วยต่อยอดศักยภาพของผลิตภัณฑ์ได้เป็นอย่างดี ตอนนี้ผลิตตามความต้องการของลูกค้า หลังจากได้รับหมายเลขในการจดสิทธิบัตรประมาณเดือนมีนาคมนี้จึงจะผลิตในระดับอุตสาหกรรมเพื่อจัดจำหน่ายต่อไป ซึ่งเจ้าของคือทางม.อ.และTCELS จะตกลงกันว่าจะขายสิทธิบัตรให้บริษัทไหนไปผลิต ในอนาคตอยากขายสารสกัดมากกว่าเพราะสามารถส่งออกและขยายตลาดได้ทั่วโลก ”ดร.รพีพรรณเอ่ยถึงการดำเนินงาน
ในด้านการส่งเสริมให้ชาวสวนมีรายได้เพิ่มจากการวิจัยนี้ รศ.ดร.รพีพรรณกล่าวว่า ต้องมองในภาพรวมเพราะต้องมีการพัฒนาไปถึงระดับที่เอกชนสามารถทำเองได้ ต้องมีการอบรมและการจัดการที่มีประสิทธิภาพในการจะเอาสารสกัดหรือเซรั่มที่บริสุทธิ์เพราะนำมาให้กับใบหน้า ชาวสวนก็จะมีรายได้เพิ่มจากส่วนที่ไม่ใช่ยางหรือน้ำยางโดยเอาส่วนที่เป็นสารสกัดมาขายได้ภายใต้สถานการณ์การควบคุมคุณภาพจากบริษัทผู้ผลิต
“อยากให้เด็กรุ่นใหม่คิดค้นทดลองและเข้ามาสู่งานวิจัยกันมากขึ้น จากการที่เราขายยางไปอย่างเดียวแล้วต่างประเทศคิดค้นผลิตภัณฑ์ จดสิทธิบัตรนำสินค้ากลับเข้ามาขายเราในราคาแพง เราต้องคิดต่างออกไป และยังหวังว่าเด็กไทยยังมีความสามารถอีกมากและควรใช้ให้เกิดประโยชน์มากกว่านี้” เมธีวิจัยอาวุโสกล่าวปิดท้าย
ครีมหน้าใสยางพารา (Hb Brightening Cream) มีวิธีใช้คือ หลังการทำความสะอาด ทาครีมลงบนผิวหน้าและลำคอเพียงบางๆ ทุกเช้าและเย็นหรือบ่อยครั้งตามที่ต้องการ ควรเก็บครีมไว้ในที่ที่มีอากาศถ่ายเทได้ดีและไม่โดนแสงแดดหรือเก็บไว้ในตู้เย็น ก่อนใช้ควรทดลองทาบางๆ ใต้ท้องแขนและทิ้งไว้ 12 ชั่วโมง หากเกิดการระคายเคืองควรระงับการใช้
ปัจจุบันตลาดครีมหน้าขาวกำลังได้รับความนิยม โดยพบว่าในประเทศไทยมีมูลค่าประมาณปีละ 25,000 ล้านบาท ดังนั้นการค้นพบสารสกัดจากน้ำยางพาราที่มีคุณสมบัติลดความเข้มข้นของสีผิว จะช่วยเสริมสร้างศักยภาพยางพาราเพื่อการใช้ประโยชน์ที่หลากหลายได้อีกระดับหนึ่ง และเป็นแนวทางที่เป็นประโยชน์ต่อเศรษฐกิจของประเทศด้วย
ที่มา : สำนักข่าวมุสลิมไทย